6 ขั้นตอนสำคัญของการผลิตเฟอร์นิเจอร์ไม้ที่คุณควรรู้

 

1. โค่นต้นยางพาราอย่างถูกวิธี – ไม่ทำลายระบบนิเวศ

• การคัดเลือกต้นไม้: ต้นยางพาราที่หมดอายุการกรีดน้ำยาง (25–30 ปี) จะถูกทำเครื่องหมายโดยผู้เชี่ยวชาญ เพื่อไม่ให้โค่นต้นที่ยังให้ผลผลิตได้

• เทคนิคการโค่น: ใช้เลื่อยยนต์หรือเครื่องมือตัดแบบพิเศษ เพื่อป้องกันความเสียหายต่อเนื้อไม้ และคำนึงถึงทิศทางการล้มต้นไม้เพื่อไม่ให้กระทบต้นอื่น

• การขนส่ง: หลังโค่น ต้นไม้จะถูกตัดกิ่งก้าน ลอกเปลือกออกบางส่วน แล้วเคลื่อนย้ายด้วยรถโฟร์คลิฟต์หรือระบบรอก เพื่อลดการเสียดสีที่อาจทำให้ไม้เป็นรอย

 

2. ตัดลำต้นให้ได้ท่อนไม้คุณภาพ – ศิลปะของการคำนวณขนาด

• การวัดขนาด: วิศวกรจะคำนวณความยาวและเส้นผ่านศูนย์กลางของท่อนไม้ โดยอิงจากลักษณะวงปีและจุดตำหนิ (เช่น กิ่งก้าน ริ้วรอย) เพื่อตัดส่วนที่ใช้งานได้ดีที่สุด

• ประเภทใบเลื่อย: ใช้ใบเลื่อยวงเดือน (Band Saw) สำหรับตัดตามยาว และเลื่อยสายพาน (Chainsaw) สำหรับตัดขวาง แบ่งท่อนไม้เป็นขนาดมาตรฐาน เช่น ท่อนละ 2.5 เมตร

• การจัดเกรดไม้: แยกเกรดไม้ตามสภาพผิวหน้า เช่น เกรด A (ไม่มีตำหนิ) สำหรับเฟอร์นิเจอร์ผิวเรียบ เกรด B สำหรับชิ้นส่วนที่ต้องปิดผิว

 

3. แปรรูปไม้เป็นแผ่น – เทคนิคการเลื่อยที่ส่งผลต่อลายไม้

• ระบบการเลื่อย:

  • Plain Sawing: เลื่อยแบบตัดตามแนวขนาน ให้ลายไม้เป็นเส้นตรง เหมาะสำหรับงานที่ต้องการความรวดเร็ว

  • Quarter Sawing: เลื่อยไม้ตามแนวรัศมี 90 องศา ได้ลายไม้เป็นเส้นริ้วคลื่น สวยงามแต่เปลืองเนื้อไม้

• การควบคุมความหนา: ใช้เครื่องวัดความหนาแบบดิจิทัล (Digital Thickness Gauge) ปรับความหนาแผ่นไม้ตั้งแต่ 1 นิ้ว (สำหรับโครงสร้าง) ถึง 0.2 นิ้ว (สำหรับแผ่นประดับ)

• การจัดการของเสีย: เศษไม้และขี้เลื่อยถูกนำไปอัดเป็นเชื้อเพลิงหรือผลิตเป็น particle board

 

4. อบไอน้ำและแช่น้ำยา – ศาสตร์การป้องกันศัตรูไม้แบบครบวงจร

• กระบวนการอบไอน้ำ:

  • อบในห้องปิดด้วยไอน้ำร้อน 110–130°C นาน 8–12 ชม. เพื่อฆ่าเชื้อราและตัวอ่อนแมลง

  • ใช้เครื่องมือวัดความชื้นสัมพัทธ์ (Hygrometer) ควบคู่กับการควบคุมความดัน

• การแช่น้ำยา:

  • สารเคมีที่ใช้: สารบอแรกซ์ (Borax) หรือ CCA (Chromated Copper Arsenate) ในความเข้มข้น 2–5%

  • ระบบ vacuum pressure: ใช้เครื่องอัดสารเคมีให้แทรกซึมถึงแก่นไม้ โดยสร้างสุญญากาศก่อนอัดน้ำยาเข้าไป

  • มาตรฐานความปลอดภัย: ได้รับการรับรองจาก EPA (สหรัฐอเมริกา) หรือ มอก. ของไทย

 

5. อบแห้งไม้ – หัวใจสำคัญที่หลายคนมองข้าม

• ประเภทเตาอบ:

  • Kiln Drying: อบในห้องควบคุมอุณหภูมิ 50–70°C พร้อมพัดลมระบายอากาศ ลดความชื้นเหลือ 8–12% ใช้เวลา 15–30 วัน

  • Solar Drying: ใช้พลังงานแสงอาทิตย์ในโรงเรือนเปิด ประหยัดพลังงานแต่ควบคุมความชื้นได้น้อยกว่า

• การตรวจสอบ: ใช้เครื่อง Moisture Meter  วัดความชื้นทุก 2 วัน

• ปัญหาที่อาจเกิด: หากอบเร็วเกินไป ไม้จะแตกปลาย (End Check) หรือ บิดเบี้ยว (Warping)

 

6. ผลิตเฟอร์นิเจอร์ – รวมทักษะช่างและเทคโนโลยีสมัยใหม่

• ขั้นตอนการผลิต:

  1. ออกแบบ: ใช้โปรแกรม CAD สร้างแบบ 3 มิติ และทำ prototype ด้วยเครื่อง CNC

  2. ตัดชิ้นส่วน: เครื่องตัดเลเซอร์สร้างรอยต่อแบบ mortise-tenon ที่แม่นยำ

  3. ประกอบ: ใช้กาว PU (Polyurethane) และสลักเกลียวสแตนเลสสำหรับจุดรับน้ำหนัก

  4. ขัดผิว: กระดาษทรายตั้งแต่เกรด 80 (ขัดหยาบ) ถึง 320 (ขัดละเอียด)

  5. ทาสีและเคลือบผิว:

     • สีน้ำมัน: ให้ความทนทานสูง

     • สีอะครีลิค: ปลอดสารพิษ ไร้กลิ่น

     • UV Coating: ใช้แสงยูวีทำให้สารเคลือบแข็งตัวทันที

• การควบคุมคุณภาพ: ทดสอบการรับน้ำหนัก , เปิด-ปิดลิ้นชัก 10,000 ครั้ง, ใช้เครื่องฉีดน้ำจำลองสภาพความชื้น

 

เกร็ดความรู้เพิ่มเติม: ทำไมต้องเลือกไม้ยางพารา?

• ความยั่งยืน: ไทยมีสวนยางพารากว่า 20 ล้านไร่ ช่วยลดการตัดไม้ป่าปีละกว่า 1.2 ล้านต้น*

• คุณสมบัติพิเศษ: ไม้ยางพารามีความหนาแน่น 560–650 kg/m³ สูงกว่าไม้สัก (540 kg/m³) ทนแรงกดได้ถึง 7,500 psi

• การรับรอง: มอก. 1505-2547 มาตรฐานเฟอร์นิเจอร์ไม้

สนใจสั่งทำเฟอร์นิเจอร์ไม้ยางพาราตามแบบเฉพาะของคุณ?
ติดต่อทีมงานผู้เชี่ยวชาญของเราเพื่อรับคำปรึกษาฟรี! 📞🚚

ดูสินค้าเพิ่มเติมในหมวด เก้าอี้ไม้แท้ทั้งหมด.